ดอยค้ำฟ้า ชื่อนี้ ผมพึ่งเคยได้ยินครั้งแรก เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เองครับ จากน้องคนหนึ่งที่ผมรู้จักใน facebook น้องบอกว่า พี่ๆ พี่ลองไปที่นี่ดูนะครับ ผมไปมาแล้ว มันสวยมาก ผมคิดว่าพี่ต้องชอบแน่ๆเลย ตอนนั้นผมเที่ยวที่ ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่อยู่ หลังจากผมอ่านข้อความนั้น ผมก็คิดว่า มันมีดอยที่ว่านี้อยู่ด้วยหรือ? มันอยู่ที่ไหน ผมเลยค้นหาข้อมูลผ่าน google จึงรู้ว่า ดอยค้ำฟ้า ตั้งอยู่ที่ อ.เชียงดาว ใกล้ๆกับที่ผมอยู่ตอนนี้พอดี หลังจากนั้นผมก็ได้โทร ติดต่อ เจ้าหน้าที่ อุทยาน โชคดี ที่วันนั้น ที่พักยังว่างอยู่ครับ เจ้าหน้าที่นัดมารับพวกเรา ตอนบ่ายโมง
จากดอยอ่างขาง เราขับรถ มาที่ เมืองงาย พวกผมแวะซื้อเสบียงที่ตัวเมืองงาย ก่อนเข้าทางแยกตรงนี้ครับ เพราะหลังจากตรงนี้จะไม่มีร้านค้าอะไรแล้ว เราซื้อเสบียงกันง่ายๆ เป็นบะหมี่สำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ไข่ไก่ ขนม น้ำ ตุนกันไปครับ จากแยก เข้าทางหลวงหมายเลข 1322 มุ่งหน้าอำเภอเวียงแหง เส้นทางเริ่มคดเคี้ยว เราค่อยๆขับบนสันเขา ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะเจอ ป้ายขึ้นดอยค้ำฟ้าทางด้านขวามือ
ดอยค้ำฟ้า(หน่วยจัดการต้นน้ำแม่งาย) ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตรงปากทางเข้าดอยค้ำฟ้า จะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ครับ พวกผมมานัดเจอเจ้าหน้าที่ตรงจุดนี้ เนื่องจาก เราขับรถเก๋งกันมา ต้องเปลื่ยนรถเป็น 4wd เพื่อเข้าไปด้านในครับ ถ้าจะเอารถเข้าไปเองก็ได้นะครับ รถกระบะที่ยกสูงหน่อย กำลังดีๆ ก็ไปถึงภายในได้เหมือนกัน ค่ารถโดยสารของเจ้าหน้าที่จะอยู่ที่ คนละ 300 บาท ไป-กลับ ครับ ผมว่าราคาไม่แพงเลย
ถนนเส้นนี้ เป็นดินลูกรังครับ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีได้เลยครับ พื้นเป็นป่าทั้งหมด สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ แต่ฝุ่นเยอะมากครับ ถ้ามากันหลายคน นั่งหลังกระบะ แนะนำให้เอาผ้าปิดจมูกติดมาด้วยเลยครับ


หลังจากนั้น ผมไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่ที่นี่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับที่พัก ที่พักด้านบน มีสองแบบครับ นอนเต็นท์ กับ นอนบ้านพัก นอนเต๊นท์ถ้านำเต็นท์มาเอง ก็กางได้เลยครับ ไม่เสียเงิน แต่จะให้ช่วยบำรุงค่าดูแลรักษา แล้วแต่จะให้ครับ หรือถ้าไม่มีเต็นท์มา ทางเจ้าหน้าที่ก็มีเต็นท์ให้เช่าครับ คิดคนละ 200 บาท พร้อมเครื่องนอน ส่วนบ้านพัก มี 1 หลัง แบ่งเป็นสามห้อง ครับ นอนได้ประมาณ 15 – 20 คนได้เลย คิดคนละ 300 บาท เองครับ
พวกเราเลือกที่จะนอนบ้านกันครับ เนื่องจากดูแล้ว ลมที่นี่ค่อนข้างแรง กลัวจะทนความหนาวกันไม่ไหว
ที่บ้านพักจะปั่นไฟ ให้ทุกคืนด้วยนะครับ เปิดประมาณ 6 โมงเย็น ถึง เที่ยงคืน สามารถชาร์ต แบตมือถือได้ด้วย
พอดีไม่ได้ถ่ายภาพที่พักมาให้เพื่อนๆดูเลยครับ เป็นบ้านก่ออิฐ ฉาบปูน แล้วแบ่งเป็นห้องๆ มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม พร้อม สะอาดดีครับ
อันนี้เป็นรูปห้องน้ำ สะอาดมาก มีเป็นชักโครกด้วยครับ
เมื่อเก็บของเสร็จพวกเราก็ออกมานั่งเล่น พักผ่อน ชมวิวรอบๆกันครับ
ผมเอาเปล ออกมากาง นอนรับ ลมหนาว นอนไป ก็มองวิว ดอยหลวงเชียงดาวไป
พอเวลา 16.30 ก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่ลานหิน ด้านหลังครับ จากบ้านพักเดินไปประมาณ 400 เมตร ก็ถึงแล้วครับ ระหว่างมีมีดอกไม้ มากมายหลากหลายพันธ์ุ สวยงาม ส่งกลิ่นหอมเต็มผืนป่าเลยครับ
หลังจากเพลินเพลินกับดอกไม้ระหว่างทาง พวกเราก็เดินมาถึงจุดชมวิวแล้วครับ เป็นลานหิน ก้อน เล็กใหญ่มากมาย เบื้องหน้ามองไป เห็นทิวเขา หลายรูปเป็นแนวยาว พร้อมทั้งเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวด้วย
วิวที่นี่ระหว่างรอ พระอาทิตย์ตกดิน สวยงามมากๆเลยครับ อากาศก็ดี นั่งมองแสง ค่อยๆลับขอบฟ้าไป
หลังพระอาทิตย์ตก เราก็เดินกลับที่พักกันครับ ระหว่างทางเดิน ค่อนข้างมืด ทางเดินก็แคบครับ ต้องระมัดระวังอย่างดี
ถ้าเพื่อนๆจะมา แนะนำ ติดไฟฉายมาด้วยนะครับ เวลาเดินจะได้สะดวก
พอมาถึงที่พักครับ เราก็ทำอาหารกัน ในบ้านพักมีห้องครัวด้วยครับ มีเตาแก็ส มีเครื่องครัว จาน ชาม ช้อนส้อมให้ครบเลยครับ คืนนี้เราทำอาหารญี่ปุ่นกินกันครับ (มาม่า) นั่นเอง
เราติดเนื้อหมูกับ ผัก มาด้วย เลยใส่รวมๆกัน นั่งทานมาม่าร้อนๆ สัมผัสอากาศหนาวๆ นี่อร่อยมากเลยครับ
เมื่อทานมาม่ากันอิ่มแล้ว ก็พักผ่อนกัน .. ส่วนผมออกมาถ่ายบรรยากาศ ดวงดาว กับเต็นท์ ครับ ดาวบนนี้ ตอนกลางคืน เยอะมากๆๆเลย เพราะอยู่ห่างจากตัวเมือง ทำให้ไม่มีแสงรบกวน เราเลยยิ่งเห็นแสงจากดวงดาวได้ชัด ครับ
ตอนเช้าผมตื่นมารอถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น วันนี้เมฆเยอะครับ รอจน 7 โมงแล้วก็ยังไม่เห็น เลยชวนพี่อีกคนเดินไปจุดชมพระอาทิตย์ตกกัน พอเดินไปถึง พระอาทิตย์ก็โผล่ออกมาจากเมฆพอดีเลยครับ
ถ่ายรูปเสร็จ ก็เดินกลับที่พักกันครับ พอไปถึงเราก็เตรียมตัวเพื่อนั่งรถ คันเดิม เพื่อเข้าไปด้านใน อีกหน่วยครับ วันนี้ เรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา อีก 4 คน พวกผมเลยไปนั่งข้างหลังกระบะกัน ครับ จากที่พัก ต้องขับรถเข้าไปด้านใน อีก 8 กิโลเมตร ระหว่างทางพอมีหวาดเสียวให้สนุกได้เรื่อยครับ ทางขึ้นเขา ลงเขา ผ่าน กิ่วใจหาย ด้วย… ในที่สุด เราก็มาถึงจุดมุ่งหมายของพวกเราแล้วครับ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่งายหน่วยเก่า ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีจากที่พัก
ดอกนางพญาเสือโคร่งป่า บานกลางขุนเขา เลย พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกันมาก
ดอกนางพญาเสือโคร่งที่นี่ สังเกตุดีๆ ดอกจะเล็กกว่าที่อื่น และต้นจะสูง ยาว เน่องจากอยู่ในป่าจริงๆ
ทำให้ต้องคอยแย่งอาหาร แสงแดดกับต้นไม้อื่นๆครับ ที่นี่จะมีชาวบ้านอาศัยอยู่ครอบครัวหนึง จะเลี้ยงควายไว้ สามตัว พ่อแม่ ลูกครับ น่ารักมากๆเลย พวกเราเดินถ่ายรูปกับ ดอกนางพญาเสือโคร่งเพลินเลย
บนนี้มีจุดถ่ายรูป มุมสวยๆหลายจุดเลยครับ ที่สำคัญ ไม่มีคนเลย ไม่ต้องไปแย่งกับใครด้วยครับ สวยมากๆ
ถ่ายรูปกันเพลินจน พี่เจ้าหน้าที่ ต้องมาตามกันเลยครับ อิอิ วันนี้ เราต้องเดินทางออกแล้วครับ
กลับเข้าที่พัก ไปเก็บของ ก่อนกลับก็เขียน ชื่อฝากไว้ในสมุดเยื่ยม
เสร็จแล้วก็นั่งรถกันออกมาที่เดิมที่จอดรถทิ้งไว้ครับ
หลังจากนั้น เราก็ขับรถเข้าตัวเมืองเชียงใหม่กันครับ
จบแล้วครับ สำหรับ การเดินทาง ทริป ดอยค้ำฟ้า ของพวกเรา
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่ติดตามนะครับ แล้วพบกันใหม่ ทริปหน้าครับ
#แบกกล้องเที่ยว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : หน่วยจัดการต้นน้ำแม่งาย โทร. 081 992 7346