สวัสดีเพื่อนๆ ทุกท่านครับ….
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “แบกกล้องเที่ยว” ได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัด ” ภูเก็ต ”
ร่วมกิจกรรมที่ทาง Toyota ได้จัดขึ้น กับงาน Camry The Ultimate Experience โดยได้จัดขึ้นให้กับลูกค้า Camry ที่เข้าไปสมัครลงทะเบียน ทาง http://www.toyota.co.th/theultimate แล้วสุ่มผู้โชคดีจำนวน 15 คู่ เดินทางไปร่วมกิจกรรมกันที่ภูเก็ต
ในครั้งนี้ไปในฐานะสื่อมวลชน กับเพื่อนๆ พี่ๆ สื่ออีกหลายท่าน
เดี๋ยวผมจะพาทุกท่านไปชมวัฒนธรรม ของเมืองภูเก็ตที่แสนมีเสน่ห์ ท้องฟ้าสีคราม และหาดทรายสีขาว กันครับ
วันแรก
5.30 – ทีมงานส่งรถ Camry Airport Limousine มารับถึงหน้าประตูบ้านเลยครับ รู้สึกว่านี่เป็นบริการพิเศษที่ลูกค้าผู้ซื้อรถCamryใหม่จะได้รับนะคับ
6.30 – เรามาถึงที่สนามบิน มีเจ้าหน้าที่จากทีมโตโยต้ามาต้อนรับ พูดคุย และทานอาหารเช้า เป็นกันเองมากๆครับ
หลังจากนั้นก็เช็คอิน โหลดกระเป๋า รอขึ้นเครื่องกันตอน 8.30 น.
ตั้งแต่บนเครื่องบิน เราก็ประทับใจแล้ว ทางโตโยต้า ได้นำหมอนใบเล็กๆมาวางไว้ให้เราตรงที่นั่งของแต่ละคนด้วยครับ มาถึงที่สนามบินภูเก็ต ก็ขึ้นรถตู้ เดินทางไปที่ SALA Phuket กันครับ เป็น resort ที่ทันสมัยตกแต่งอย่างสวยงาม อยู่ติดหาดไม้ขาว
สัมผัสแรกที่มาถึง ก็ได้รับมาลัยคล้องมือ พร้อมทั้ง welcome drink เย็นๆ ดับกระหาย พร้อมทั้งผ้าเย็นด้วย ครับ
หลังจากหายเหนื่อย พวกเราก็เดินมาที่บริเวณห้องอาหารริมหาดด้านหลัง ซึ่งติดกับชายทะเล
โดยมีการ มีตติ้งเล็กๆกับทีมสื่อมวลชนก่อนครับ บริเวณที่จัดไว้ มีการเตรียมการเป็นอย่างดี ที่นั่งสบาย มีอาหาร มีเครื่องดื่มบริการตลอดเวลา
เริ่มงานก็มีน้องพริตตี้มาทักทาย
และมีการกล่าวต้อนรับ โดยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของทางโตโยต้าเลย ครับ
เสร็จแล้ว เราก็นั่งฟังความสามารถพิเศษเหนือระดับของ รถ Camry Hybrid กัน
ความสามารถหลากหลายมากๆเลย เด่นๆก็ตามนี้เลยครับ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-crash Safety)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับ (Blind Spot Monitor )
หลังจากฟังเสร็จก็มีการสาธิตคร่าวๆให้ชมด้วยครับ
หลังจากฟังการสาธิตเสร็จ ก็ถึงเวลาไปทานข้าวกลางวันกันครับ
มาครั้งนี้ผมได้ทดลองขับ Camry Hybrid ด้วยครับ ทางโตโยต้าให้รถของผมกับเจน มา 1 คัน
คิดในใจเอาละซิ๊ ….. ไม่เคยขับรถคนอื่นเลย มาครั้งนี้เป็นบุญมากๆ ได้ขับ camry ด้วยเรา
เราขับตามขบวนกันไปครับ มีรถทั้งหมด 5 คัน ตอนแรกๆก็ตื่นเต้น …
สตาร์ทรถยังไม่เป็นเลย ปุ่มไรเยอะไปหมด ดูมันอลังการมากๆ

สิ่งแรกที่รู้สึกคือ รถมันนิ่มมากกกกกก อันนี้ไม่ได้ชมนะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
แล้วระยะทางที่ให้ test drive ก็ประมาณ 40 km !! ผมนี่ขับสนุกเลยครับ
ไม่ต้องกลัวหลงด้วย เพราะมี GPS ติดมาให้ที่หน้าจอ ไม่ต้องคอยเปิด google map ในมือถือ
ได้ลองระบบต่างๆ ของเจ้า Camry คันนี้เช่นระบบเตือนว่ามีรถในมุมอับ ผมลองแล้ว มันทำงานได้ดีจริงๆ
พอมีรถที่จะแซงผมทางขวา มันก็เตือนที่กระจกมองข้างขวา เยี่ยมจริงๆครับ
ปกติเวลาผมเดินทาง ถ่ายรูปท่องเที่ยว หรือ รีสอร์ทต่างๆ ผมจะเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำอยู่แล้วครับ
เนื่องจาก ชอบหยุดระหว่างทาง เจอมุมไหนสวยๆ ก็จะจอดรถถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
พอได้มาลองขับ รถ camry คันนี้แล้ว รู้สึกว่ามันสบายมากๆ เวลาเร่งเครื่อง หรือจะแซง รู้สึกมันตอบสนองตามที่ใจเราต้องการได้หมดเลย
ที่สำคัญผมชอบฟังเพลงมาก แถมเครื่องเสียงที่ติดมา เป็นของ JBL ด้วย ทีมงานแอบเอา CD ของ Michael Bublé
มาใส่ไว้ให้ เพลงเพราะๆกับเครื่องเสียงดีๆเนี่ยทำให้ ผมเลยฟินไปตลอดทางเลย
ในที่สุดเราก็มาถึงตัวเมืองภูเก็ตแล้วครับ เที่ยงนี้เราจะมาทานอาหารกันที่ ร้าน “ตู้กับข้าว” ครับ
ร้านอาหารตู้กับข้าว เป็นร้านอาหารใหม่ในตึกเก่าแบบชิโนโปรตุกีส ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต
เป็นร้านอาหารสองชั้น ตกแต่งสไตล์ชิโนโปรตุกีสให้ได้บรรยากาศกลิ่นอายของเมืองบาบ๋าเพอรานากันอย่างภูเก็ต ปีนังและมะละกา ซึ่งนอกเหนือจากบรรยากาศของร้านที่นั่งสบาย ตกแต่งมีสไตล์ พร้อมเมนูอาหารพื้นเมืองที่ถูกปากถูกลิ้น ในราคาที่เป็นกันเอง
นั่งปุ๊บ อาหารก็ออกมาเสริฟเลยครับ
น้ำพริกกุ้งเสียบ
ผัดผักเหลียงผัดไข่ใส่กุ้งเสียบ
กุ้งผัดซอสมะขาม
หมูฮ้อง ที่นี่อร่อยมากกกก นุ่มมม หวาน ละลายในปากเลยครับ
ขนมจีนแกงปู
ผัดกุ้งกะปิสะตอ
ทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินชม บรรยากาศของเมืองภูเก็ตบริเวณ ถนน พังงากันแปปนึง
และก็ข้ามไปที่ โรงแรมออนออน (on on hotel) กันครับ
สัมผัสกลิ่นอายและบรรยากาศย่านเมืองเก่าของเมืองภูเก็ตดั้งเดิม ในบรรยากาศการพักผ่อนเหมือนอยู่บ้านของตัวเองที่โรงแรม เมมโมรี แอท ออนออน โรงแรมซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ตและยังคงรักษาเอกลักษณ์และเสน่ห์ของอาคารสถาปัตยกรรมโบราณแบบชิโน-โปรตุเกสไว้อย่างครบถ้วนลงตัวกับการบริการและการตกแต่งแบบคลาสสิคพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
เดอะ เมมโมรี แอท ออนออน มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง เนื่องจากตัวอาคารมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานและมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนที่ใดๆสำหรับผู้มาเยือน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตบริเวณย่านเมืองเก่าย่อมไม่ผิดหวัง ให้บริการที่พักแสนอบอุ่นทั้งในรูปแบบห้องพักหรือห้อง Dormitory เปรียบดั่งเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการมายาวนานกว่าร้อยปีของโรงแรมแห่งนี้
กล่าวต้อนรับโดยผู้จัดการครับ
มีแจกเครื่องช่วยฟังด้วยครับ ทำให้เวลาเราเดิน จะได้ยินเสียงผู้บรรยายตลอดเวลา
เริ่มชมตามสถานที่ต่างๆในโรงแรม
บรรยากาศภายในห้องพัก มีการตกแต่งอย่างสวยงาม
อันนี้มีห้อง ที่ ดาราดัง อย่าง ลีโอนาโด เคยมาเข้าพักด้วยครับ
บริเวณสวนเล็กๆด้านล่าง ให้กลิ่นอายเมืองภูเก็ตเป็นอย่างดี
เสร็จจากโรงแรมออน ออน แล้ว คณะเราก็นั่งรถมากันที่ ” บ้านชินประชา ” ครับ
เป็นบ้านหลังแรกของภูเก็ตที่สร้างขึ้นตามแบบ “สถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส” หรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา” ปัจจุบันลูกหลานพระพิทักษ์ชินประชาผู้สร้างบ้านหลังนี้(ตระกูลตัณฑวณิช) ได้อนุรักษ์ตัวบ้านและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆไว้เป็นอย่างดี และ เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อให้ได้มีโอกาสได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนภูเก็ตในอดีต อายุของบ้านหลังนี้อายุกว่า 100 ปี ของภายในบ้านยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดีครับ
บ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446(ค.ศ.1903)หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ(ตันเนียวยี่) ท่านถือกำเนิดในประเทศจีนมณฑลฮกเกี้ยน รับราชการทหารในตำแหน่ง “บู๊เต็กจงกุน” ต่อมาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ.2397(ค.ศ.1854)หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4ได้ประกอบกิจการเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนังในนามยี่ห้อ “เหลียนบี้ พระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) ถือกำเนิดที่เกาะภูเก็ตในปีพ.ศ.2426 เมื่ออายุได้ 20 ปีท่านได้สร้างบ้านหลังนี้ตามแบบ “ชิโน – โปรตุกีส” เป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา” เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้น ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากการค้าขายทางเรือ ผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต เช่นรั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี่ฯลฯ ณ ปัจจุบัน “บ้านชินประชา” อายุมากกว่า 101ปีและมีลูกหลานนับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6แล้ว
เราเข้ามายังตัวบ้านตรงกลางบ้านจะเปิดโล่ง เราเรียกว่า “ฉิ่มแจ้” เป็นเอกลักษณ์ของบ้านคนภูเก็ตสมัยก่อนจะมีแบบนี้แทบทุกบ้าน
ภาพเก่าที่หายาก เป็นรูปบุคคลต่างๆในอดีตมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
เราเข้ามายังตัวบ้านก็จะพบกับเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับด้วยมุกที่สำคัญเป็นมุกแท้จากต่างประเทศเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี
ชุดโต๊ะทานข้าวจากปีนัง
สำหรับบ้านชินประชาแห่งนี้ยังได้อนุรักษ์การแต่งกายของคนภูเก็ตสมัยก่อนที่เรียกว่า “การแต่งกายแบบบาบ๋า ย่าหยา” สามารถลองใส่ชุด ย่าหยา ถ่ายรูปได้เลย
ถึงจุดนี้ ผมบอกได้เลยครับว่ามากับทีมงาน The Ultimate Experience ครั้งนี้ ผมมาถึงภูเก็ตจริงๆ ภูเก็ตไม่ได้มีแต่ท้องฟ้าสีครามและหาดทรายขาวๆอย่างที่หลายๆคนคิดนะครับ
หลวงบำรุงจีนประเทศเป็นบิดาของพระพิทักษ์ชินประชาต้นตระกูล ตัณฑวณิช
หลังจากเยี่ยมชมที่บ้าน ชินประชา เสร็จแล้ว พวกเราเดินทางกลับมาที่ โรงแรม ออน ออน อีกครั้งหนึ่งครับ
โดยจะมาจิบชา ทานขนมกัน
ก่อนที่จะดื่มชากัน ก็มีการสาธิตวิธีการชงชา ที่ถูกต้องให้ชมด้วยครับ
ชาที่นี่กับ ขนม บอกเลยว่าอร่อย จริงๆ พออิ่มแล้วเราก็เดินทางกลับที่พักกันครับ
ได้ทดสอบสมรรถนะของ Camry อีกรอบแล้ว
ขากลับขับได้เร็วหน่อย เริ่มชินแล้วครับ ขับสนุกเลย ส่วนเรื่องความปลอดภัยหายห่วง รถเค้าระบบป้องกันเพียบอย่างเกริ่นไว้ตอนต้น
มาถึงที่พักแล้วครับ SALA Phuket
หลังจากได้กุญแจห้องพักก็จะมีพนักงานพาไปที่ห้องครับ โดยอธิบาย สถานที่ต่างๆบริเวณรีสอร์ทให้ด้วย
SALA Phuket Resort ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาวอันเงียบสงบ ประกอบด้วยสระน้ำหน้าหาด 3 สระ รวมถึงวิลลาพร้อมสระน้ำส่วนตัว และลานอาบแดด มีบริการสปาพร้อมห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำ
ห้องพักและวิลลาของ SALA มีบริการโทรทัศน์จอแบนระบบเคเบิล และเครื่องเล่นดีวีดี วิลลามีบริการห้องน้ำกลางแจ้งพร้อมอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของสระน้ำ มีบริการฟรีอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi)
มีเฉลียงนวดบริเวณหน้าหาด 3 แห่ง ซึ่งให้บริการนวดผ่อนคลายร่างกายที่อ่อนล้า มีบริการห้องออกกำลังกายสำหรับผู้เข้าพักที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพร่างกาย
ในส่วนของห้องพักของที่ Sala จะเป็นสไตล์วิลล่า ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ทั้งหมด 79 วิลล่า ห้องทุกห้องจะเป็นโทนสีขาวสว่างตา สร้างความรู้สึกสบายๆภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นนำสมัยที่มีกลิ่นอายของชิโนโปรตุกีส เรียกได้ว่ามีความทันสมัยและเรียบหรูอยู่ในตัว ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยมีความตั้งใจที่จะทำให้ใช้ประโยชน์ได้หมด
Sala Phuket จุดที่ทำให้ดูน่าสนใจ สะดุดตา คือสีขาวของตัวรีสอร์ท และความร่มรื่นที่สามารถสัมผัสได้ ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงภายนอกก็ตาม เมื่อเข้ามาถึงจะเจอกับพื้นน้ำที่สะท้อนตัวอาคารความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่ตรงหน้า ด้านหน้ามีสนามหญ้าเขียวขจีดูแล้วสบายตาดีครับ
บรรยากาศยามค่ำ ยิ่งโรแมนติค มีแสงไฟจากสะน้ำและบริเวณรอบๆ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น ผ่อนคลายมากครับ
หลังจากสำรวจที่พัก อาบน้ำแล้ว ก็เดินมาทานอาหารกันครับ บรรยากาศยามกลางคืนบริเวณสระน้ำ
บางคู่ก็มาดินเนอร์กันริมชายหาดเลยครับ ดูแล้ว โรแมนติคมากกกก
อาหารคืนนี้เป็นบุฟเฟ่ต์ มีทั้งอาหารไทย ซีฟู๊ด และอาหารฝรั่ง ของทอดต่างๆ ครบเลยครับ
ระหว่างทานอาหารก็มีการแสดงรำ สี่ภาคมาโชว์ด้วย
ทานอิ่มผมกับเจน ก็กลับห้อง เจอเตียงนุ่มๆ ไป หลับกันอย่างรวดเร็วเลยครับ
วันที่สอง
ตื่นเช้ามา กิจกรรมแรก ก็คือ กิน ซิครับ +_+
เดินมาที่ ห้องอาหารแต่เช้าเลย
อาหารมีให้สั่งมากมายเลยครับ มื้อเช้า …
แต่ผมชอบทานข้าวไข่เจียว เลยสั่งมาทานครับ
และก็แพนเค้กอีกจานนึง
บรรยากาศรอบๆรีสอร์ทยามเช้า ค่อนข้าง เงียบ สงบ และสวยงามมากๆเลยครับ
กลับมาอาบน้ำ แต่งตัว พร้อมแล้ว วันนี้เราจะไปล่องเรือยอร์ช กัน
ผมแอบตื่นเต้นอีกแล้ว เกิดมายังไม่เคยขึ้นเรือยอร์ชเลยครับ
โดยเรามาขึ้นเรือกันที่ ท่าเทียบเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า
เป็นท่าเทียบเรือระดับโลกเลยครับ มีเรือสวยๆ มากมายจอดเรียงรายกัน
มีระบบจัดการที่ดีมากๆ
เดินมาเรื่อยๆ ในที่สุด ก็มาถึงเรือยอร์ช ที่เราจะออกไปล่องชมความงามของท้องทะเลวันนี้แล้ว
โอเชี่ยน เอ็มเมอรัลด์ ซูเปอร์ยอชท์อันงดงามนี้แตกต่างจากซูเปอร์ยอชท์อื่น ๆ ที่พบในอ่าวไทยอย่างสิ้นเชิง
มีห้องสวีทวีไอพีตอนท้ายเรือบนดาดฟ้าหลัก
และดาดฟ้าล่างและสองห้องโดยสารของผู้เข้าพักบนดาดฟ้าหลักและดาดฟ้าล่างบริเวณตอนหน้าสามารถรองรับได้ถึง 100 คนพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อันทันสมัย มีบริเวณพื้นที่ภายนอกกว้างกว่าเรือซูเปอร์ยอชท์อื่น ๆ ในระดับเดียวกันมากกว่า 30%
เดินขึ้นเรือกันครับ มีพนักงานมาคอยต้อนรับอย่างดีเลย
บรรยากาศบริเวณภายในและภายนอกเรือครับ
เดินวน ถ่ายรูปหนึ่งรอบ คือผมกำลังตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า…
นี่คือเรือหรือเนี่ย ทำไมมันช่างเพียบพร้อมไปซะทุกอย่างเลย…
เรือออกจากท่า เรากำลังเดินทางไปชมความงดงามของท้องทะเลอันดามัน กันครับ
ขอให้ภาพเล่าเรื่องละกันนะครับ
มี ไอศครีมให้ทานได้ตลอดเวลา
ค็อกเทล ก็สั่งได้ตลอดเลยครับ
ผมแอบดู ลูกค้าของโตโยต้า ที่ได้มาในทริปนี้ คือทุกคนดูยิ้มแย้ม มีความสุขมาก ถ่ายรูปตลอดเวลา
จริงๆก็ไม่ต่างจากผมและเจนเลย เราเดินไปมุมไหนก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพเอาไว้…
เพราะไม่รู้ว่า จะมีโอกาสอีกไหมที่ได้จะมานั่งเรือยอร์ชแบบนี้อีกครั้ง…
ประสบการณ์ครั้งนี้สมกับชื่อกิจกรรม Ultimate Experience จริงๆครับ
มาถึงบริเวณหมู่เกาะห้อง แล้วครับ ได้เวลาทานอาหารเที่ยงกัน
มีให้เลือกเป็น สปาเก็ตตี้ซีฟู๊ด
กับ ข้าวผัดสัปปะรด ครับ อร่อยทั้งคู่เลย ผมแอบกินไปอย่างละจาน
ทานอิ่ม เรือก็เดินทางมาถึง เกาะนาคาใหญ่ พอดีเลย
เราจะมาเล่นน้ำ ดำน้ำกันที่นี่ โดยต้องใช้เรือเล็กโดยสารมาที่ชายหาดอีกทีหนึ่ง
เพราะเรือใหญ่ ขับเข้ามาใกล้ๆไม่ได้ ติดพื้นครับ
มาถึงที่หาดแล้ว …
หาดทรายที่นี่ ขาวมากกกก น้ำก็ใส เสียดาย ผมไม่ได้หยิบกล้องลงมาด้วย เอามาแต่กล้อง Gopro ครับ
ทรายก็นุ่มด้วย…
ลองดำน้ำกัน น้ำใส แต่ไม่ได้ดูประการัง เพราะต้องออกไปไกล แล้ววันนี้ กระแสน้ำค่อนข้างแรง
เลยว่ายเล่นกันบริเวณชายหาดแทน ครับ
เล่นน้ำกัน จนตัวดำแล้ว ก็ ขอขึ้นไปพักบนเรือดีกว่าครับ อากาศเริ่มร้อนแล้ว
มาถึงที่เรือใหญ่ มีพนักงานเตรียมผ้าเช็ดตัว พร้อมเสริฟ น้ำเย็นๆให้ด้วย … ประทับใจมากๆเลย
อาบน้ำบนเรือได้เลยครับ เปลื่ยนชุดแล้วก็มาดื่มน้ำเย็นๆ ชมวิวไปเรื่อยๆ
เรือก็เดินทางกลับมาถึงที่ ท่าเรืออ่าวปอพอดี
เดินทางกลับไปที่ SALA เพื่อพักผ่อนกันครับ
อาบน้ำเสร็จ ตอนเย็น มีเลี้ยง ค็อทเทล พร้อมทั้งรวมถ่ายรูปหมู่กันด้วยครับ
พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี…
สวยงามมากๆเลย วันนี้พระอาทิตย์ดวงใหญ่มาก
คืนนี้ มีงานเลี้ยงดินเนอร์ครับ
จัดที่ภายในห้องอาหารของรีสอร์ท บรรยากาศธีมเป็นแนวท้องทะเล สีฟ้า ..
ดูสวยงามอลังการมาก
ก่อนเข้างานก็จะมีมอบสร้อยคอที่ทำจากเปลือกหอยให้ด้วย
คืนนี้ มีสองนักร้องคุณภาพ จากเวที the voice แบงค์และ หนอยแน่ มาร้องขับกล่อมบทเพลงแบบใกล้ชิดเลยครับ
ส่วนอาหาร คืนนี้เป็น แบบ ซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์ แบบจัดเต็มเลย ทั้งปลา กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย กั้ง สเต็ก เนื้อ หมู
ส้มตำ มีหมดเลยครับ
หลังจากทานอิ่ม ผมก็กลับห้อง แต่วันนี้ยังไม่หลับ …
มาว่ายน้ำที่สระตอนกลางคืนครับ ว่ายไปมองดูดาวไป ฟินมากๆ เล่นน้ำ จนเหนื่อยเลย…
แล้วก็เข้านอนครับ
วันที่สาม
วันนี้ พวกเราว่างครับ มีเวลาถึงเที่ยง
ทางโตโยต้าก็เลย อนุญาติให้เอารถมา test drive อีกครั้ง…
เราก็เลยตกลงกันที่จะไปจุดชมวิว ” เสม็ดนางชี “ กันครับ เวลานี้ที่นี่ ไม่ไปไม่ได้แล้วครับ
ทางที่ขับขาไป เป็นทางในสวนยาง ทางไม่ค่อยดี หลุม เต็มถนนเลยครับ
เลยได้ทดสอบการใช้เบรค หลายครั้งเลย 5555
การเดินทางไปจุดชมวิวเสม็ดนางชี เข้าตรงซอยบ้านท่าอยู่ ขับตรงไปเรื่อย ๆ 13 กิโลเมตร หลังจากนั้นเราจะเห็นจุดชมวิวอยู่ทางขวามือ
ซอยทางเข้าบ้านท่าอยู่ : 8.280032,98.371467 (จากถนนใหญ่ก่อนถึงซอยเราจะเห็นสะพานลอยครับ ให้ชะลอรถและเตรียมเลี้ยวซ้ายได้เลย)
ทางขึ้นจุดชมวิว : 8.240564, 98.449013 (อยู่ทางขวามือ)
ในที่สุดก็มาถึงแล้วครับ เราต้องจอดรถไว้ริมถนนแล้ว เดินขึ้นไปกัน
จ่ายค่าธรรมเนียม คนละ 30 บาท
ทางเดินชันหน่อยครับ บวกกับอากาศและแดด เหงื่อออกเต็มตัวเลย
แต่บางคนก็มีความสุขกับวิวตรงหน้า…
เดินไป ยิ้มไปก็มีครับ….
ในที่สุดก็มาถึง… จุดชมวิว เสม็ดนางชี
ด้านบนสามารถกางเต็นท์ได้ หรือถ้าไม่มีเตรียมมาก็มีให้เช่า พร้อมเครื่องนอนด้วยครับ
ราคาไม่แพงเลย
จุดชมวิวเสม็ดนางชี แหล่งท่องเที่ยวอันซีนแห่งจังหวัดพังงา เพิ่งเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่นานนัก ความสวยงามของที่นี่ร่ำลือกันว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายที่หวังจะมาชื่นชม และซึมซับบรรยากาศภาพความสวยงามของพระอาทิตย์ที่แทรกตัวขึ้นจากด้านหลังหุบเขา
ค่าธรรมเนียมการเข้าชมของที่นี่ครับ คนไทย 30 บาท ต่างชาติ 50 บาท เด็กเล็กฟรี ค่าเช่าเต็นท์พร้อมอาหารเช้า 400 บาทต่อหลัง (นอนได้ 2 คน) ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์ 100 บาท
*** ข้อควรปฏิบัติ ***
– ห้ามนำรถขึ้นไปบนจุดชมวิว
– ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นไป
– ขยะทุกชิ้นนำขึ้นไปแล้วขากลับนำกลับลงไปทิ้งข้างล่างด้วยครับ
– ห้ามส่งเสียงดังในบริเวณจุดชมวิว
หลังจากชมวิวจนเต็มที่แล้ว พวกเราต้องเดินทางกลับ รีสอร์ทแล้วครับ เพื่อ check out ตอนเที่ยง
ขากลับ ผมเลือกวิ่งทางหลัก อ้อมหน่อย แต่ถนนดีมาก ทำความเร็วได้ครับ
เลยทดสอบระบบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
เนื่องจากรถน้อยครับ โดยเราสามารถตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าได้ ผมตั้งไว้ที่ 50 เมตร
แล้วรถจะขับโดยความเร็วคงที่ตามคันหน้า แต่ถ้าคันหน้าขับช้ากว่าความเร็วที่ผมตั้งไว้ ระบบจะลดความเร็วลงอัตโนมัติทันทีเลย !!!
อีกอัน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning) ผมเปิดระบบ แล้วลอง เปลื่ยนเลนดู โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบ จะแจ้งเตือนทันทีเลยครับ ถือว่าดีมากๆ ในกรณีที่เกิดอาการหลับใน
ปกติผมขับรถบ่อยมาก ออก ต่างจังหวัดทุกอาทิตย์ ถ้ามีรถที่มีระบบเหล่านี้คงทำให้ การเดินทางของผมปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน
พอกลับมาถึงที่ รีสอร์ท หิวครับ เลยขอสั่ง ผัดไทยมาปิดท้าย
เสร็จแล้วก็เดินทางไปสนามบินขึ้นเครื่องกลับ กทม.
ขากลับ มีรถ ลีมูซีน Camry มาส่งถึงประตูบ้านอีกรอบด้วยครับ
สำหรับทริปนี้ ประทับใจในการบริการและดูแลของทีมงานมากๆเลย
ขอบคุณที่ให้โอกาส แบกกล้องเที่ยว ไปสัมผัส ประสบการณ์เหนือระดับที่ภูเก็ตนะครับ
รู้สึกล้ำค่ามากๆ
วันนี้ขอลาไปก่อน….สวัสดีครับ ^_^