สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ ..
วันนี้ เติ้ลกับเจนจะพาเพื่อนๆไปเที่ยว ไปกิน ไปนอน บนเรือสำราญสุดอลังการ ที่มีชื่อว่า “Ovation of the seas ” ลำนี้กันครับ
ทริปนี้เรา เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพ นั่งเครื่องบินมาลงที่ประเทศสิงคโปร์
พอมาถึงสนามบินแล้ว เรามีเวลาเหลือ 2 ชั่วโมง.. ก่อนที่เรือจะออก เลยถามเจนว่า อยากไปไหนไหม๊ ?
เจนบอก พี่เติ้ล เจนหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกัน…
ป่ะ ขึ้น Taxi โลดด เรานั่ง Taxi ไปลงที่ ตึก Suntec City ลงปุ๊บ เราก็เจอร้านที่เราตามหาเลย !!
Gudetama Cafe เจ้าไข่ขี้เกียจ ที่น่ารักนั้นเอง
ที่นี่จะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่เป็น cafe และ Coffee shop อยากจะบอกว่าน่ารักทั่งคู่เลยครับ
มาถึงแล้ว เราก็เดินเข้าไปข้างในร้านกันอย่างไม่รอช้า เอากระเป๋าเดินทางเข้ามาด้วยเลย *_*
บรรยากาศข้างในน่าร๊ากมากกกกก
ดูเจ้าตัว Gudetama มันน่ารักตะมุตะมิ เต็มไปหมดเลย
หน้าตาเมนู น่ารักมาก ดูน่ากินไปหมด แต่ราคาค่อนข้างแรงอยู่นะ เทียบกับเงินไทยแล้ว
ราคาอยู่ที่ 500-1,500 บาท ต่อจานได้ O_o
แต่สำหรับเรานานๆมาที ดูจากการตกแต่งแล้ว ขอสั่งมาถ่ายรูปหน่อยเถอะ
เมนูนี้ชื่อว่า Rib ” I ” don’t care ราคาประมาณ $26 สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทย ก็คูณประมาณ 25 เข้าไป ก็ประมาณ 650 บาท ได้
ของหวานก็มีนะ เราสั่ง เค้กซากุระ + ชาเขียวสมูทตี้ ใส่แท่งช็อคโกแลต
ขนมอื่นๆก็มีให้เลือกมากมายตั้งอยู่หน้าร้านเลยครับ
เสร็จจากร้านแล้วเรายังพอเหลือเวลาอีกประมาณ 45 นาทีก่อนที่เรือจะออกเลย ชวนเจนไปเที่ยวต่อกันครับ
ตั้งใจว่าจะขึ้นไปเดิน บน skywalk ที่ Gardens by the bay กันดีกว่า อยู่ใกล้ๆกับท่าที่เราจะขึ้นเรือพอดี ..
มาถึงเราก็รีบเดินเลยจร้าาา กลัวตกเรือ เดินหลงไป หลายนาทีอยู่ แถมต้องลากกระเป๋าเดินทางไปด้วย บวกกับอากาศที่ร้อน โอยยยยย …
เจอแล้วอยู่ข้างหน้านี่เอง
แวะซื้อตั่วก่อนขึ้น ราคาอยู่ที่ $8 ก็ตกประมาณ คนละ 200 บาทครับค่าขึ้น
ขึ้นมาแล้ว วิวข้างบสวยมากเลยครับ มีทางเดินประมาณ 500-700 เมตรได้ ผมว่า ถ้ามาเดินช่วงเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตกดิน น่าจะสวยมากๆเลย
บอกกลับเจนไว้ เดี๋ยวครั้งหน้าจะขอกลับมาเที่ยวที่นี่ใหม่ แบบอยู่นานๆเลย
เดินเล่นได้แปปเดียวเราต้องรีบเดินทางต่อแล้ว เดี๊ยวไม่ทันเรือ …
แล้วเราจะกลับมาหาใหม่นะ
จากที่ Garden by the Bay เรานั่งรถ Taxi มาอีกแค่ 5 นาที ก็มาถึงท่าเรือ
ท่าเรือที่นี่มีขนาดใหญ่มากๆเลยครับ ตึก Terminal คล้ายๆกับ สนามบินเลย มีด่านตรวจคนเข้าเมือง อยู่ในตัวด้วย
หลังจากมาถึงเราก็เอากระเป๋าติด Tag แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้เลยครับ เราจะไปเจอกระเป๋าของเราอีกทีในห้องพักเราเลย
ทริปนี้ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นจากประเทศ สิงคโปร์ – แหลมฉบัง ประเทศไทย ครับ
หลังจากผ่านกระบวนการค่อนข้างหลายขั้นตอนเราก็ได้ขึ้นเรือกันแล้วครับ โดยจะได้ card ติดตัวมาคนละใบ การด์นี้สำคัญมาก เราต้องติดตัวไว้ตลอดเวลา ชื่อว่า “Seacard ”
เป็นการด์ที่ ไว้ใช้เปิด ปิด ห้องพัก ใช้ชื่อของ ใช้เล่นกิจกรรมทุกอย่างบนเรือ ต้องใช้การด์ใบนี้ใบเดียวเลยครับ สะดวกมากๆเลย
พอเข้ามาถึงภายในเรือ ทุกคนจะต้องไปประจำที่ Deck ของตัวเอง เพื่อที่จะฟังถึงกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่ควรทราบบนเรือ โดยจะมี วีดีโอเปิดให้ดู ครับ
ของผม Deck อยู่ด้านหลังเรือ ที่นั่งอลังการมาก นั่งชมวีดีโอเพลินๆเลยครับ
ก่อนเราจะเข้าไปดูภายใน เรามารู้จัก เจ้าเรือลำนี้กันก่อนดีกว่าครับ
” Ovation of The Sea ”
Quantum of the Seas มีระวางขับน้ำ 167,800 ตัน
มี 16 ชั้นกับห้องพักจำนวน 2,090 ห้อง
เรือลำนี้ จุผู้โดยสารได้ ประมาณ 4,905 คน
จำนวนลูกเรือทั้งหมด 1,500 คน
ความเร็วสูงสุด 22 Knots ( 44 km/hr )
เรือมีความยาวประมาณ 350 เมตร !
ขนาดของเรือเท่ากับ ขนาดของ 3 สนามเบสบอล!!
มูลค่าของเรือลำนี้อยู่ที่ $935 ล้าน หรือประมาณ 31,500 ล้านบาท เองจร้าาา
ส่วนกิจกรรมบนเรือก็เยอะมาก แต่ละอัน เจ๋งๆทั้งนั้นเลย
- North Star กระเช้าชมวิวที่จะพาเราล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า 300 ฟุต สูงขนาดเทพี เสรีภาพเลยแหละแกรรร สามารถชมวิวได้โดยรอบ 360 องศา
- FlowRider สนามโต้คลื่นจำลอง ที่วิวเป็นมหาสมุทรอยู่ดาดฟ้าด้านหลังเรือ
- Ripcord by iFLY® เครื่องเล่นจำลองการโดดร่ม
- Bionic Bar โรบอทบาร์เทนเดอร์ ที่ผสมเครื่องดื่มให้เราดริ๊งได้ด้วย
- Seaplex สุดยอด Enterainment กลางทะเล มีกิจกรรมให้เล่นเยอะมาก ไม่ว่า รถปั้ม สนามบาส โรเล่อร์สเก็ต สนามบอล ปิงปอง xbox 360 และก็สารพัดเกมตู้
ขึ้นมาบนเรือแล้ว ผมกับเจนก็เดินสำรวจก่อนเลยครับ เราขึ้นมาที่ชั้น 16 ก่อน ซึ้งจะเป็นบริเวณดาดฟ้า
ออกมาก็จะเจอ สระว่ายน้ำก่อนเลย มีสไลส์เดอร์ของเด็ก มีจากุชชี่ ให้แช่ด้วยนะครับ
ตรงนี้คือ North Star กระเช้าชมวิวที่จะพาเราล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า 300 ฟุต สูงขนาดเทพีเสรีภาพ ที่อเมริกาเลยแหละแกรรร สามารถชมวิวได้โดยรอบ 360 องศา
ถ้าเราอยากจะเล่นกิจกรรมอะไร เราสามารถโหลดแอพของเรือลงมือถือ แล้วจองคิวล่วงหน้าได้เลยครับ พอถึงเวลาเราก็สามารถขึ้นไปเล่นได้เลย ไม่ต้องต่อคิว
ตัว Northstar เวลายืดสูงสุด สูงมากๆ คือบนเรือชั้น 16 มันก็สูงอยู่แล้วนะ นี่ยิ่งสูงไปใหญ่
ออกมาจากสะว่ายน้ำ เราก็เดินมาบริเวณด้านหลังเรือกันครับ เป็นส่วนของ ที่ทานอาหาร เป็นแบบ Buffet นานาชาติ มีของกินให้เลือกมากมาย
แต่อาหารเรายังไม่หิวเท่าไร่ พอเดินมาเห็นวิวด้านหลังนี่ รีบออกไปถ่ายรูปกันก่อนเลยครับ เห็นวิวเมืองสิงคโปร์สวยมากๆ
ชมวิวเสร็จก็มานั่ทานอาหารกันครับ ข้างบน จะฟรีเกือบหมดแล้ว ยกเว้นพวกเครื่องดื่มน้ำ อัดลม เหล้า เบียร์ ต้องซื้อเพิ่มครับ
หลังจากทานอาหารอิ่ม เราก็ลงลิฟท์ ไปดูห้องพัก ของเรากันครับ ห้องพักของผมกับเจน อยู่ที่ชั้น 9
มาถึงที่ห้องละครับ ห้องของผมกับเจน เป็นแบบ Deluxe Ocean View with Balcony ขนาด 177 ตารางฟุต พร้อมระเบียงด้วย ขนาด 82 ตารางฟุต
เปิดเข้ามาไม่นึกว่าจะอยู่บนเรือ ห้องดีมาก เตียงนุ่ม เหมือนอยู่ โรงแรมดีๆเลยครับ มีทีวี ตู้เย็น ตู้เซฟ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน ไดร์เป่าผมให้พร้อม แถมมีปลั๊ก และ USB ให้เสียบด้วย
ขนาดถือว่ากำลังดี ไม่ใหญ่ ไม่เล็กจนเกินไป
มีตู้เซฟให้ด้วย
ห้องน้ำ แคบไปนิด เนื่องจากผมตัวใหญ่ 555 สะอาด จัดเป็นสัดส่วน ดีมาก
ชอบตรงที่มีระเบียง นั่งชมวิวข้างนอกได้ด้วยสิ ฟินนนนน
หลังจากพักผ่อนสัพักแล้ว ช่วงบ่าย เราจองคิว Ripcord by iFLY® ไว้ครับ มาถึงก็ต้องไปนั่งฟังคำแนะนำ จากครูฝึกก่อนครับ ว่าควรจะทำตัวอย่างไง
เจนบอกครูฝึกหุ่นแซ่บมากก 5555 เฟรนลี่ด้วย
ที่นี่ เขาจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เรื่อง Safty มีความปลอดภัยทุกกิจกรรมครับ
ตัว iFly นี่ก็จำลอง เหมือนเราโดดลมลงมาจากที่สูง แต่อันนี้จะมีพัดลมขนาดใหญ่อยู่ข้างล่าง ดันลมขึ้นมาเพื่อให้เราลอย
ตอนแรกผมก็กลัวๆ แต่พอจับจุดได้ก็สนุกเลยครับ เพราะมีครูฝึกคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้ไม่ค่อยกลัว ^^
เล่นเสร็จก็เริ่มกระหายน้ำครับ ได้ยินมาว่า บนเรือลำนี้ มีเจ้า Robot สุดไฮเทคอยู่ เขาว่าสามารถ ทำ Cocktail ให้เราดื่มได้
โรบอทบาร์เทนเดอร์ ที่ Bionic Bar ที่ผสมเครื่องดื่ม
เจ้าโรบอทมีสองตัว ชื่อ B1-O กับ N1-C
ความสามารถคือ ผสมเครื่องดื่มได้นาทีละ 2 แก้ว หรือวันละ 1,000 แก้ว
วิธีสั่งง่ายๆ แค่แตะ Seapass ที่เครื่องรับ แล้วกดเมนูที่ต้องการ เจ้าโรบอทก็จะทำให้เลยครับ
ส่วนมื้อค่ำวันนี้ เรามีมื้อพิเศษครับ มาทานกับที่ ร้าน jamie oliver
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านอาหาร อิตตาเลี่ยนที่ดังมากๆ เนื่องจาก เจ้าของ Jamie Oliver เกิดมาพร้อมกับโรค Dyslexia ซึ่งทำให้ความบกพร่องในการอ่าน
จัดเป็นความไม่ปรกติด้านการเรียนรู้ แม้จะมีอุปสรรค แต่เขาสนุกกับการทำอาหารและโชคดีที่พ่อแม่ของเขามีร้านอาหารกึ่งผับเล็กๆ เขาจึงมีที่ซ้อมมือในการทำอาหารได้ตลอด
เมื่อเรียนหนังสือจบเขาจึงพยายามหาร้านในร้านอาหารจะในที่สุดก็ได้โอกาสไปทำงานในร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งและได้ค้นพบว่า อาหารอิตาเลี่ยนเป็นอาหารที่เขาทำได้ดีเป็นพิเศษ
ในปี 1997 ผู้จัดของ BBC เห็นแววของเขาหลังจากได้ออกทีวีสั้นๆในรายการทำอาหารรายการหนึ่ง เนื่องจากสไตล์การพูดที่ไม่เหมือนใครและการทำอาหารที่ทำให้เรื่องยากๆดูง่าย จึงชวนเขามาทำรายการให้ BBC
รายการนี้ชื่อ The Naked Chef ซึ่งทำให้ Jamie ดังเป็นพลุแตกและรายการทีวีอีกหลายสิบรายการตามมา เขาได้กลายเป็นเชฟที่รำ่รวยที่สุดในโลก โดยนิตยสาร Forbes Magazine
และร้าน Jamie’s Italian บนเรือก็เป็น 1 ในสาขาของเขา
หน้าตาเมนู เรียบๆ ง่ายๆ
บรรยากาศบนเรือตอนกลางคืน โรแมนติคดีครับ
ของหวาน
สลัด
ปลาหมึกทอด อร่อยมากก
มื้อนี้ทานไปหลายอย่างอยู่ อิ่ม แถมอร่อยด้วย ^_^
วันรุ่งขึ้นเราก็เดินเล่นกันที่ SeaPlex ที่นี่มีของเล่นเยอะมาก ผมนี่ชอบเลยย
ตรงนี้จะเป็นลานกิจกรรมครับ มีทั้ง Roller Skate , รถบัมพ์ , ฟุตบอล , บาสเก็ตบอล
โดยจะมีตารางเวลาอยู่ว่างช่วงไหนในแต่ละวันจะเป็นกิจกรรมอะไร
ตู้เกมก็มีให้เล่นด้วย ใช้ Seapass แตะ เล่นได้หมด แต่ตอนจบ จ่ายตังเพิ่มนาจาาา 555
ปกติตู้พวกนี้ รางวัลจะเป้นตุ๊กตา กับของเล่น
แต่บนเรือนี้ไม่จร้าาา GOPRO, ipad, IPOD , smart watch , แว่น versace โอ้ยแม่เจ้า ผมลองเล่นไป 5 ครั้งไม่ได้เลย ครั้งละ 50 บาท ไทยได้
ลุงข้างๆเดินมากด ทีเดียว ได้ GOPRO ไปเฉยยย อิจฉาาาาาา
ตู้คีบตุ๊กตา แต่ที่นี่คีบ G-Shock จ้าาา
กิจกรรมยามว่าง ตีปิงปองจ้าา
FIFA ไหม๊ละ ดูวิวข้างๆด้วยนะแกรรร ฟินนนน
เล่น Roller Skate กันนน
ตอนค่ำๆ ก็บัมพ์กันสนุกเลย
บรรยากาศยามเช้าจากห้องนอน สามาถนอนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากเตียงได้เลยครับ ฟินมาก
ตรงนี้มีกิจกรรม ปืนหน้าผาจำลองด้วยนะครับ มีเจ้าตัวแพนด้า แม่ลูก เป็นโลโก้ น่ารักอีกแล้วว
ด้านหลังเป็น flowRider เสริฟ์โต้คลื่นจำลอง วิวดีงามมากกกกกก
ไม่เป็นก็สามารถมาเล่นได้ครับ มีเจ้าหน้าที่คอยสอน คอยดูแลให้ ทั้ง ชาย หญิง
Royal Esplanade ถือว่าเป็นที่พัก ผ่อนคลายหลักบนเรือลำนี้ เป็นเหมือนห้องโถงใหญ่ มีร้านอาหาร บาร์ ร้านค้าปลอดภาษีมากมาย
เช่น Bvlgari , Michael Kors, Cartier , Hublot ,Coach และอื่นๆอีกหลายร้าน เหมือนห้างสรรพสินค้าดีๆนี่เองครับ
ถ่ายลงมาจากลิฟท์ด้านบน คืนนี้มีงานแสดง หลายงานมาก สามาถเลือกชมได้ตามสบายเลยครับ
ส่วนผม มื้อนี้ มาประจำการที่เดิม ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ^_^
ข้าวปั้นก็มืด้วยนะ นอกจาก พวก อาอหารอเมริกัน อาหารจีน อาหารแขกแล้ว
บรรยากาศยามเย็นก็สวยอยู่
เสร็จแล้วมาดูโชว์กันที่ Two70 กันครับ เป็นเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ ภายในมีโต๊ะเก้าอี้ บาร์ เลาจน์ และคาเฟ่ จะอยู่ด้านหลังของเรือ
เป็นส่วนที่ไฮเทคที่สุดบนเรือลำนี้ มีหนึ่งเดียวในโลกที่นี้ที่เดียว
ในตอนกลางวัน จะใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน สามารถมานั่งชมวิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่า ผนังเป็นกระจกใสสูงโปร่ง
ส่วนในตอนกลางคืนที่นี่จะแปลงโฉมเป็นโรงละครขนาดใหญ่ มีโชว์การแสดง ละครเพลง จากผนังกระจกใสที่มองเห็นวิวทะเล ตอนนี้ได้แปลงสภาพเป็นจอ ultra HD
เสียง สีแสง อลังการงานสร้างมากๆ ทั้งนักแสดงก็มืออาชีพกันทั้งนั้นเลยครับ
ดูแล้วเพลินมาก มันอลังการสุดๆ ไม่คิดว่าบนเรือจะมีอะไรเยอะขนาดนี้
นั่งดูไป ยิ้มไป แป๊บเดียว เป้น ชั่วโมง การแสดงจบซะแล้ว ยังสนุกอยู่เลย
ตอนดึกในที่สุดเราก็ได้ ขึ้น เจ้า Northstar ครับ เสียดายได้ขึ้นมามืดแล้ว มองไม่ค่อยได้เห็นอะไร >_<
ส่วนวันสุดท้ายเราก็มาถึง แหลมฉบังโยสวัสดิภาพครับ มีโอกาสได้ร่วมงาน แลกของที่ระลึกระหว่างเมืองไทยกับเรือ Ovation of the Seas ด้วยครับ
ถ่ายรูปร่วมกันครับ
หมดแล้วครับ การเดินทางของผมกับเจนในทริปนี้
จริงๆบนเรือยังมีกิจกรรม อะไรอีกมากมายเลยครับ ผมเดินบอกตรงๆยังไม่ถึงครึ่งเลย
ยิ่งด้านล่างนี่ มี Casino ขนาดใหญ่มาก แอบลงไปเดินเล่นอยู่ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากเพราะกลัวผิดกฎ ครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สำหรับเส้นทางกรุงเทพ – แหลมฉบัง ที่เราไปนั้นถือเป็นทริปพิเศษที่เรือ Ovation of the Seas เข้ามาเทียบท่าเรือแหลมฉบังครั้งแรก ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีเส้นทางสิงคโปร์ – แหลมฉบังอีกเมื่อไหร่ แต่ World Surprise Travel คัดสรร 3 เส้นทางที่น่าสนใจมาให้แล้ว ถ้าใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.worldsurprise.com/ovation-of-the-seas/ หรือสอบถามที่ World Surprise Travel ครับ ราคาไม่แพง บริการดี สะดวกสบาย แล้วเขาจัดการให้ทุกอย่างเลยครับ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 02 634 8877 Line: @worldsurprise