พิษณุโลก – เพชรบูรณ์ 3วัน2คืน หน้าฝน กิน เที่ยว เปรี้ยวได้

เพื่อนนนน หน้าฝนแบบนี้ ฉันอยากไปเที่ยว .. มีเวลา 3 วัน 2 คืน ไปที่ไหนดี … อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ เที่ยวแบบสนุกๆ ขับรถไปเรื่อยๆ ชมวิวสวยๆ หน้าฝน ต้องที่นี่เลยแกรร เพชรบูรณ์ – พิษณุโลก มันฟินที่สุดแล้วว อยากรู้ว่าไปไหนบ้าง มา… เดี๊ยวเราบอกให้ฟัง ทริปนี้ เราเดินทางกันไป 4 คน

Day 1 : BKK – พิษณุโลก – เขาค้อ – เดินทางด้วย สายการบินนกแอร์ – มาถึง ติดต่อเช่ารถ ของ บ.รังทอง – แวะทาน อาหารเช้า ร้าน กนกภัณฑ์ – ไหว้พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ – จิบกาแฟที่ Elephant House Lake View Cafe – น้ำตกแก่งซอง – น้ำตกปอย – ร้านกาแฟ ก๊าก๊า – ร้านลาบลุงหวัง – ไร่ลุงทอม ฟาร์มสเตย์ – Jolly Cafe’

Day 2 : เขาค้อ – บ้านรักไทย – เนินมะปราง – ชมพระอาทิตย์ขึ้น บริเวณวัดผาซ่อนแก้ว – จิบกาแฟ ร้าน The Piney Bistro Cafe – ทุ่งกังหันลม เขาค้อ – เดินทางไปบ้านรักไทย จ.พิษณุโลก – แวะ เช็คอิน ติดต่อที่พัก ที่บ้านภูผาหมอก – บ้านมุง อ.เนินมะปราง – เดินชมวิถีชีวิต ทุ่งนา ภูเขาหินปูน – ชมค้างคาวนับล้าน บริเวณบ้านมุง – จัดหมูกระทะ รสเด็ด นั่งกระต๊อบริมนา – กลับมานอนพัก ที่ภูผาหมอก บ้านรักไทย

Day 3 : เนินมะปราง – วังทอง – พิษณุโลก – BKK – นั่งชิงช้า ชมวิวบนต้นไม้รูปหัวใจ ที่ บ้านสวนชมวิว – แวะชิมทุเรียนหลงรักไทย – น้ำตกไผ่สีทอง – ทานผัดไทยป้าหอม อ.วังทอง – เดินเล่น ชมร้านค้า อาคารเก่า อ.วังทอง – จิบกาแฟ ก่อนขึ้นเครื่อง ที่ Made Cafe – เดินทางกลับ ด้วยสายการบินนกแอร์

** รายละเอียด การเดินทางอยู่ใต้ภาพเลยครับ ตามอ่านได้ ***

ชมทะเลหมอก วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

ไปนั่งชิงช้า บนต้นไม้รูปหัวใจ ที่เนินมะปราง จ.พิษณุโลก

ไหว้พระ ทำบุญ พระพุทธชินราช

ไปจิบกาแฟชมทะเลหมอก ที่ร้าน The Piney Bistro Cafe

นอนรถบ้าน ชมดาวนับล้าน ที่ ไร่ Uncle Tom’s Cabin เขาค้อ

ชมความอลังการของน้ำตกปอย จ.พิษณุโลก

ไปทำสวนผัก ที่ ไร่ลุงทอม ฟาร์มสเตย์

จิบกาแฟสุดชิล ที่ร้าน Jolly Cafe

ไปนั่งชิงช้า ชมวิวทุ่งกังหันลม เขาค้อ

ไปเดินเล่นกับไดโนเสาร์ ที่ Elephant House Lake View Cafe

ไปชมค้างค้าว นับล้าน ที่บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก

ไปนอน โฮมสเตย์ สัมผัสอากาศดีๆบนยอดเขา ที่บ้านรักไทย จ.พิษณุโลก

Day 1 : ดอนเมือง – พิษณุโลก

เราเริ่มต้นเดินทาง ไฟลท์เช้า ของนกแอร์ครับ เวลา 6.30 เราจะได้มีเวลาเที่ยวได้เยอะๆ

เป็นเครื่องบินแบบ ใบพัด เดินทางราบรื่น เห็นวิวชัดดีครับ

พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว สีทองสวยเลย

โชคดีผมได้นั่งริมหน้าต่าง เลยได้ดูวิว มาตลอดทาง เพลินมากๆ

มาถึง สนามบิน พิษณุโลกแล้ว เราก็ติดต่อ รถเช่ากันก่อนเลยครับ ที่นี่ มีของ บ.รังทอง มีรถหลายคัน ที่สำคัญ เป็นรถใหม่ๆ ทั้งนั้นเลย ทริปนี้ เราได้ รถ Avanza คันใหญ่ นั่งสบายเลยจร้าาาา

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง…
สำหรับพวกเราแล้ว เรื่องเที่ยวเรื่อง เล็ก เรื่องกินเรื่องใหญ่
เราเลย ต้องแวะมาเติมพลังกันที่ ร้าน กนกภัณฑ์ กันก่อนเลยครับ อยู่ในตัวเมืองพิษณุโลก ไม่ไกลจากสนามบิน ใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีเท่านั้น ที่นี่ เขามีชื่อ เรื่อง ซาลาเปา ขนมจีบ

จากร้าน กนกภัณฑ์ 5 นาที เราก็มาถึง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ (วัดใหญ่), พิษณุโลก
ชาวบ้านส่วนใหญ่มักเรียกขานกันว่า วัดใหญ่ กันจนติดปาก พระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานในวิหารคือ พระพุทธชินราช ชาวเมืองพิษณุโลกก็นิยมเรียกกันว่า หลวงพ่อ ซึ่งหมายถึง “หลวงพ่อพระพุทธชินราช” นั่นเอง วัดใหญ่ นับเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญของจังหวัด เพราะเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวเมืองและชาวไทยทั้งประเทศ ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองเมื่อปี พ.ศ. 1900

ที่นี่ ค่อนข้างกว้างครับ ภายในวัด มี โบราณสถานโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย

พระพุทธชินราช

เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว และสูง 7 ศอก ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศ เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเรียกว่า ทีฒงฺคุลี ซุ้มเรือนแก้วทำด้วยไม้แกะสลักสร้างในสมัยอยุธยา แกะสลักเป็นรูปมกร (ลำตัวคล้ายมังกร มีงวงคล้ายช้าง) อยู่ตรงปลายซุ้ม และตัวเหรา (คล้ายจระเข้) อยู่ตรงกลาง และมีเทพอสุราคอยปกป้ององค์พระอยู่ 2 องค์

พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) แห่งกรุงสุโขทัย โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์เทพวรารามและวัดบวรนิเวศวิหารตามลำดับ

พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติด้านหลังพระวิหาร สูง 18 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ราว พ.ศ. 1811 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่แต่วิหารได้พังไปจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3-4 ต้น เรียกว่า เนินวิหารเก้าห้อง

จาก พิษณุโลก เราเดินทางกันต่อครับ คืนนี้เราจะไปนอนที่เขาค้อกัน เราเดินทางโดยใช้ถนนหมายเลข 12 พิษณุโลก – หล่มสัก ถนนเส้นนี้ จะขนานไปกับ ลำน้ำแข็ก ทำให้มีน้ำตก ระหว่างทางเยอะมากเลยครับ

“น้ำตกแก่งซอง”

เป็นหนึ่งในน้ำตกหลาย ๆ แห่งของ อ.วังทอง จ.พิษณุโลกซึ่งมีการวางตัวของแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกลางทางไหลของลำน้ำเข็ก มีความกว้างโดยประมาณ 150 เมตร สูงราว ๆ 10 เมตร ตัวน้ำตกไหลผ่านแก่งและโขดหินน้อยใหญ่ซึ่งเรียงตัวสะเปะสะปะเกิดเป็นความสลับซับซ้อนที่สวยงาม

ถึงแม้ว่าในช่วงฤดูฝนนักท่องเที่ยวจะไม่สามารถลงเล่นน้ำบริเวณน้ำตกแก่งซองได้ แต่ร้านค้า – ร้านอาหารต่าง ๆ บริเวณรอบ ๆ ตัวน้ำตกแก่งซองก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่เกือบทุกร้านเนื่องจากในช่วงฤดูนี้จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาร่วมกิจกรรม “ล่องแก่งลำน้ำเข็ก” ซึ่งจัดขึ้นประมาณเดือน มิ.ย. – ต.ค.เป็นประจำทุก ๆ ปี โดยผู้ประกอบการล่องแก่งบางส่วนจะพานักท่องเที่ยวกลับขึ้นฝั่งบริเวณริมตลิ่งก่อนถึงตัวน้ำตกแก่งซองเล็กน้อยทำให้ร้านค้า – ร้านอาหารในละแวกนั้นสามารถจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้เกือบตลอดช่วงฤดูฝนเลยทีเดียว หากอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศจากการรับประทานอาหารหรู ๆในรีสอร์ทมารับประทานอาหารบ้าน ๆ ราคาประหยัดล่ะก็ลองแวะมาชิมอาหารตามสั่ง , ส้มตำ , ไก่ย่าง , ปลาเผา , ฯลฯ ที่น้ำตกแก่งซองดูสักนิดก็ไม่เสียหาย

จาก น้ำตกแก่งซอง ขับรถมาอีก 10 กว่านาที ก็มาถึง Elephant House Lake View Cafe จะเข้าทางเดียวกับ ทรัพย์ไพรวัลย์พาร์ค เลยครับ อยู่ทางซ้ายมือ

ร้านนี้ เป็นร้าน โทนสีขาว Glass House กระจกทั้งหลัง โล่ง ดูสบายตา

วิวรอบๆ เป้นบ่อน้ำ และ ต้นไม้ สีเขียวทั้งหมดเลยครับ สดชื่นดี

จากพิษณุโลกมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่าง กม. ที่ 59 – 60 ทางหลวงหมายเลข 12 มีทางแยกไปน้ำตกปอยอีก 2 กิโลเมตร บริเวณสวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม สภาพโดยรอบร่มรื่นเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ

น้ำตกปอย ตั้งอยู่บริเวณสวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม ลักษณะของตัวน้ำที่ไหลลงเป็นแผงยาวมีความสวยงามมาก

“น้ำตกปอย”

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งกั้นขวางอยู่กลางทางไหลของลำน้ำเข็ก มีความกว้างเกือบ 200 เมตร สูงราว ๆ 10 เมตร ตัวน้ำตกไหลผ่านแก่งเล็กแก่งน้อยสลับกับโขดหินสูง ๆต่ำ ๆ ดูสลับซับซ้อนสวยงามมาก ในช่วงฤดูฝนสีของน้ำตกปอยจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลขุ่น มีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนไม่สามารถลงเล่นได้ ส่วนในช่วงฤดูหนาว – ฤดูร้อนกระแสน้ำจะอ่อนกำลังลงและมีสีเขียวค่อนข้างใส นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำบริเวณริมลำธารและเกาะแก่งต่าง ๆ ซึ่งอยู่ช่วงปลายน้ำได้

ถนน หมายเลข 12 ทางที่จะไป เขาค้อนี่ ผมว่า หน้าฝน เป็นถนนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยได้เลยนะครับ

ช่วงใกล้ๆ จะถึงเขาค้อ เราแวะพัก ดื่มกาแฟกันอีกครั้ง ที่ ร้าน ก๊ากีา อยู่ใกล้ๆ ร้าน บั๊คคาเฟ่ ตอนแรกกะจะเข้า ร้านบั๊ค แต่พอดีวันที่ไป ร้านปิดพอดี เลยมาร้านนี้แทนครับ

วิวสวยใช้ได้เลยร้านนี้ เครื่องดื่ม ราคาไม่แพงครับ ห้องน้ำสะอาด

เที่ยงแล้วครับ เรามาทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านลาบลุงหวัง
ดูด้านหน้าเป็นร้านเล็กๆ เหมือนไม่มีอะไีร ตั้งอยู่ต้องปากทางเข้าวัดผาซ่อนแก้วเลยครับ

แต่พอได้ลิ้มลอง รสชาติแล้ว บอกเลยว่า เด็ดมากกก
โดยเฉพาะ ถ้าใครชอบทานเนื้อ เนื้องย่าง น้ำตกเนื้อ เนื้อที่เอามาทำนี่ดีมากๆๆ นุ่ม ทานอร่อย อาหารอย่างอื่นก็อร่อยเลยครับ รสชาติ แซ่บมากกก

ราคาจะสูงกว่า ร้านอื่นหน่อย แต่ ปริมาณ และ คุณภาพ ก็เพิ่มตามไปด้วย ถือว่า คุ้มค่าครับ

จากนั้น เราขับรถ เข้าไป เส้นเขาค้อ ครับ มายังที่พักของเราคืนนี้ ไร่ลุงทอม ฟาร์มสเตย์

ที่นี่ มีที่พักเล็กๆ ให้คนที่ชอบสัมผัสกับธรรมชาติ ได้พักด้วยครับ เป็นบ้านดิน มุมด้วยจาก มีห้องน้ำ น้ำอุ่นในตัว เป็นห้องพัดลม ไม่มีแอร์นะครับ เพราะอากาศที่นี่ เย็นสบายทั้งปีเลย

โชคดีที่วันนี้ คนพักบ้านดินเต็ม ผมกับเจนเลยได้มีโอกาสมานอนในรถบ้านแห่งนี้ ก่อนใครเลย

ข้างใน มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบ มีห้องน้ำ น้อุ่น ตู้เย็น ที่ล้างจาน วิทยุ เตียง นอนสบายยย

มาถึงสวน เราก็ต้องเรียนรู้วิธีการทำสวนหน่อยครับ ผักที่นี่ จะเพาะโดยการใช้เมล็ด ฝังลงไปในโฟมที่อุ้มน้ำ

มื้อเย็น ที่นี่ลุงทอม ทำพิซซ่า ให้ทานด้วยครับ อร่อยมากก ใช้เตาถ่านทำ

ถ้าจะให้พูดถึงร้านกาแฟที่ เขาค้อ คนส่วนใหญ่จะนึกถึง ร้าน Pino latte ที่มีวิวของ วัดผาซ่อนแก้วที่สวยงาม
แต่มีอยู่ร้านนึง ที่แบกกล้องเที่ยว อยากแนะนำ ..
เป็นร้านเล็กๆ แต่มีความน่ารัก โปร่งโล่ง อยู่กลางทุ่งหญ้า สามารถถ่ายรูปได้ทุกมุม

ที่สำคัญ กาแฟ รสชาติเยี่ยม เพราะ การันตรี บาริสต้ามืออาชีพ ดีกรี Wongnai User’s Choice 2017
ร้าน Jolly Cafe ตั้งอยู่ริมถนน ใกล้ๆกับปั้ม ปตท. ใกล้ๆกับทางขึ้นวัดผาซ่อนแก้ว หรือง่ายๆก็ตรงที่จัด OverCoat นั่นแหละ..

สิ่งที่แบกกล้องเที่ยวประทับใจที่สุดคือ การดูแล เอาใจใส่ของพนักงานที่นี่.. เป็นกันเอง ยิ้มแย้ม พูดคุยกับลูกค้าทุกคนอย่างจริงใจ จนทำให้เรากลับมาเยือนถึง 3 ครั้งแล้ว ยิ่งที่นี่ ช่วงเย็นๆ บอกเลยเป็นอะไรที่ฟินมากๆ ลมเย็นๆ แสงสวยๆ นั่งชิลกับคู่รัก หรือกับครอบครัว เพื่อนฝูง ยิ่งฟินไปใหญ่ ..

เครื่องดื่ม นอกจากกาแฟแล้ว รสชาติก็เด็ดไม่แพ้กันนะ

จอลลี่คาเฟ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 12 แคมป์สนก่อนถึงปั๊มน้ำมัน ปตท.แคมป์สน ทางเข้าเดียวกับ จอลลี่แลนด์ ที่จัดคอนเสิร์ตประจำเขาค้อ มีที่จอดรถกว้างขวาง สะดวกสบาย วิวสวย เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่ 10:30-20:00 น.

ปิดท้ายวัน เรากลับมานอน กระท่อมของลุงทอม คืนนี้ ดาวเต็มฟ้าเลยยยย

อาหารก่อนนอน ลุงทอมจัดให้เต็มๆเลย

Day 2 : เขาค้อ – บ้านรักไทย – เนินมะปราง

ตอนเช้า เราตื่น กัน ตี5 จาก ฟาร์มลุงทอม ขับรถไปที่วัดปาซ่อนแก้ว เพื่อที่จะไปชม พระอาทิตย์ขึ้นกันครับ

โชคดีเช้านี้ ได้เจอ ทะเลหมอกนิดๆด้วย

จิบกาแฟ ร้าน The Piney Bistro Cafe ร้านนี้ ตั้งอยู่ ติดๆกับวัดผาซ่อนแก้ว เเลยครับ พึ่งเปิดใหม่ มุมภูเขาสวยมากก มีปลั๊คให้ เสียบ ชาร์ตโทรศัพท์ได้ด้วย

จุดที่ตั้งของโครงการทุ่งกังหันลม อยู่บนเนินเขาสูง บนระดับความสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 1,050 เมตร จึงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกลไปถึงวัดผาซ่อนแก้ว ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 20 กม.

การเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านเพชรดำก็ไม่ยาก

เส้นทางเป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทาง จากถนนสายหลัก 2196 หากมาจากแคมป์สนก็เลยแยกทุ่งสมอไป 3 กม. จะมีป้ายหมู่บ้านเพชรดำ ให้เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 10 กม.ก็จะถึงทุ่งกังหันลม หรือสังเกตง่ายๆ จากเสาไฟฟ้าต้นใหญ่จากโครงการนั่นเอง จากแคมป์สนมา เสาไฟเลี้ยวไปทางไหนก็ไปทางนั้นเลย เพราะเป็นเสาไฟที่ทำหน้าที่ลำเรียงกระแสไฟฟ้าจากโครงการเขาค้อ ส่งต่อไปยังสถานีรับซื้อที่ อ.หล่มสัก

มีจุดชมวิวบริเวณลานต้นสน

เป็นแลนมาร์คสุดสวยสำหรับการถ่ายรูป โครงการนี้ ได้เปิดผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา สามารถถ่ายรูป ชมวิวบริเวณโดยรอบได้อีกหลายจุด เช่นที่ไร่สตรอเบอรี่กองเซ้ง และไร่สตรอเบอรี่ บีจี โดยเฉพาะที่ไร่ บีจี ซึ่งเป็นไร่สตรอเบอรี่สำหรับฤดูหนาว ก็จะเปิดขายสินค้า ของที่ระลึก และเครื่องเล่นเล็กๆ น้อยๆ เล่นรถล้อเลื่อน “ฟอร์มูล่าม้ง” และ “ชิงช้าชาวเขา”

วันนี้ เราเดินทางกันต่อ มายัง บ้านรักไทย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ครับ

พวกแวะมา ที่พักกันก่อน เราพักกันที่ ภูผาหมอก ตั้งอยู่ ที่บ้านรักไทย
ที่นี่อยู่บนยอดเขา วิวสวยมากๆ มองลงไปไปไกลสุดสายตาเลยครั

มีห้องพัก อยู่ไม่กี่หลังครับ ที่นี่ มีห้องแอร์ น้ำอุ่น นอนสบาย

แต่ น้องด๋อยของเรา มาขอนอนที่นี่ครับ กระท่อมปลายเขา
อยู่แบบชาวบ้าน

ตอนเย็น จากบ้านรักไทย เราเดินทางไปยัง บ้านมุง กันครับ
ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ​ 45 นาที

เดิมตำบลบ้านมุง ขึ้นกับอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ฝั่งซ้าย มีอยู่ 2 ตำบล ต่อมาได้แยกตัวเป็นกิ่งอำเภอเนินมะปรางเมื่อ ปี 2536 และแยกเป็นตำบลออกไปอีก 5 ตำบล คือตำบลไทรย้อย ตำบลบ้านร้อยซุ้มขี้เหล็ก ตำบลวังโพรง ตำบลวังยาง ตำบลเนินมะปราง เหตุที่ชื่อตำบลบ้านมุง เพราะสมัยโบราณมีคนพบฆ้องขนาดใหญ่และได้ตีฆ้องใหญ่ดังโม่ง โม่ง โม่ง ต่อมาเปลี่ยนเป็นมุง เลยตั้งชื่อบ้านมุงมาจนถึงปัจจุบัน

เนินมะปราง

เป็นอำเภอหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 68 กิโลเมตร เดิมเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ตั้งมาประมาณ 42 ปี ลักษณะภูมิประเทศประมาณร้อยละ 45 เป็นภูเขาหินปูนอายุกว่า 300 ล้านปี มีถ้ำอยู่มากมาย แบ่งจุดท่องเที่ยวออกเป็น 2 จุดใหญ่ ๆ คือ บ้านมุงซึ่งตั้งอยู่ในตัวอำเภอ มีแหล่งท่องเที่ยว อย่างเช่น ภูเขาหินปูนสัญลักษณ์ของเนินมะปราง ถ้ำค้างค้าว ถ้ำผาท่าพล มีโฮมสเตย์ให้เลือกพักหลายแห่ง

ส่วนตอนเย็น ที่นี่จะมีไฮไลท์ คือ รอชมฝูงค้างคาว นับล้านตัวบินออกหากินกันครับ วันนี้ เจอกลุ่มพี่ๆ ช่างภาพ หลายคนเลย ใจดีมากๆ เห็นผม เดิน งงๆ อยู่ข้างถนน เขาหยุดรถแล้ว เรียกพวกผมไปถ่ายค้างคาวด้วยกัน

ขากลับ ระหว่างทาง เราเจอป้ายหมูกระทะ น้องด๋อยเรียกจอดทันที พี่ๆ หมูกระทะด่วนนน เราเลยไม่กล้าขัดใจความหิวของน้อง 555

ร้านหมูกระทะ ที่นี่ไม่เหมือน กทม นะครับ เขาขายเป็น กิโล
กิโลละ 200 บาท ตักใส่ จานแล้วเอาไปชั่ง พวกเรากินกันเยอะมาก ตักไปหลายรอบอยู่ หมด ไป 600 ก่าบาท ถือว่าถูกมากๆเลย แถมอร่อยด้วย

Day 3 : เนินมะปราง – วังทอง – พิษณุโลก

บ้านรักไทย

ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านสวนชมวิวที่มีชิงช้าบนต้นไม้ มีบ้านพักแบบโฮมสเตย์หลายแห่งเช่นกัน ซึ่งทั้งสองแห่งจะอยู่ห่างกันประมาณเกือบ 41 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง และมักนิยมเที่ยวเชื่อมโยงกัน โดยจะเลือกพักที่บ้านมุงในตัวอำเภอแล้วมาเที่ยวบ้านรักไทยต่อ หรือจะพักที่บ้านรักไทยแล้วไปเที่ยวบ้านมุงก็ได้ สำหรับการเดินทางหากมาจากกรุงเทพด้วยรถส่วนตัว เส้นทางที่ใกล้ที่สุด คือ ใช้เส้นทางนครสวรรค์ – พิจิตร แต่หากมาจากทางเพชรบูรณ์พิษณุโลกก็ให้มาทางเส้นนครไทย วังทอง จากภาพภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตากลางทุ่งนาสีเขียว ภาพชิงช้าบนต้นไม้ที่มองเห็นวิวภูเขา ทำให้เราอยากไปทำความรู้จักกับอำเภอเล็กๆ ที่ชื่อว่า เนินมะปราง พิษณุโลก

ต้นไม้รูปหัวใจ แลนด์มาร์ค ของที่เนินมะปราง

จากนั้น เราไปเที่ยวน้ำตก ไผ่สีทองกันต่อ ครับ อยู่ที่ บ้านรักไทย

เที่ยวน้ำตกเสร็จแล้ว เราเข้ามาที่ ตัวอ.วังทอง กันครับ
ส่วนใหญ่ คนจะไม่รู้จักที่นี่ แต่บอกเลย ที่นี่มีทีเด็ดอยู่นะ

ทีเด็ดที่ว่า คือ ร้านผัดไทป้าหอม นั่นเอง ร้านนี้เปิดเป็นเจ้าแรก ใน อ.วังทอง

ผัดไทย สูตรโบราณ มีทั้ง กุ้งสด ทั้งหมู บอกเลย อร่อยมากๆ
ใครผ่านมาแถวนี้ อยากให้มาลองดูครับ

เสร็จแล้ว เราเดินเล่นกันต่อแถวนั้นได้เลย จะเป็น ถนนร้านค้า ที่มีตึกเก่าๆ อยู่สองข้างทาง

ร้านกาแฟก็มี

อันนี้เป็นสมาคมชกมวย

ที่สุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง เรากลับมาที่ ตัวเมืองพิษณุโลก ครับ หาร้านกาแฟ นั่งทำงาน รอเวลา

มาจบที่ ร้าน Made Cafe ตั้งอยู่เส้น บายพาส

ร้านกาแฟ แต่ทำส้มตำ อร่อย

เครื่องดื่มก็รสชาติดีครับ ที่สำคัญ ราคาไม่แพงเลย
จากนั้น พวกเราก็ขึ้นเครื่อง เดินทางกลับ กทม.
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ติดตาม การเดินทางของ แบกกล้องเที่ยวนะครับ แล้วพบกันใหม่ ทริปหน้า สวัสดีครับ 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here